ได้มีโอกาสไปเที่ยวสัตหีบในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ครั้งนี้ผมมีข้อสงสัยอยู่เรื่องนึง ซึ่งต้องไปไขข้อสงสัยให้ได้น่ะครับ เรื่องของเรื่องคือได้ยินมาว่า ก่อนที่เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ท่านจะเสด็จสวรรคต ท่านได้รับสั่งว่าให้นำอัฐิของท่านไปไว้ที่เขาแหลมปู่เจ้า หรือ เขาแหลมปู่เฒ่า หรือ จะเรียกว่าเขากรมหลวงก็ได้ครับ เขานี้ตั้งอยู่ในเขตนาวิกโยธินทหารเรือสัตหีบ และ นี่ก็เป็นที่มาของทริปในครั้งนี้ครับ ตามไปดูกันครับว่าพระอัฐิของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรได้ถูกนำไปไว้ที่เขาแหลมปู่เจ้านี้จริงหรือไม่
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ก็ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ ผ่านพัทยามาซักประมาณ 30 กิโลเมตร ก็ถึงตัวเมืองสัตหีบ ขับมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าโรงเรียนสิงห์สมุทร เริ่มชะลอ สังเกตุทางขวามือจะเป็นทางเข้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้เลี้ยวขวาไปไปได้เลยครับ
การเข้าไปเที่ยวเขาแหลมปู่เจ้า หรือ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ที่มีชื่อเสียงในสัตหีบส่วนใหญ่จะต้องผ่านเข้าไปในเขตทหาร ซึ่งถ้าเรามีบัตรผ่านก็เข้าได้เลย แต่ถ้าไม่มีบัตรผ่านก็ต้องแลกบัตรเข้าไปครับ
ขับเข้าไปก็สอบถามคนข้างในไปเรื่อยๆ ละกันนะครับ ว่าจะขึ้นไปบนเขากรมหลวง ขึ้นไปทางไหน คนในนั้นเค้ารู้หมดแหละครับ
บริเวณทางขึ้นเขาจะเป็นลักษณะ ถนนสองเลน รถวิ่งสวนกันและตามทางจะมีฝูงลิงรอดักขออาหารอยู่เป็นระยะๆ เส้นทางจากปากทางจนขึ้นไปถึงด้านบนเขาระยะทางราว 3.9 กิโลเมตร
บางทีก็มีคนจอดรถเอาอาหารลงไปให้
ขึ้นไปถึงจอดรถเสร็จ ก็เดินมาที่จุดชมวิวก่อนเลยครับ
แล้ววิวที่เห็นก็แบบนี้เลยครับ
วิวหาดเตยงาม
วิวผาวชิราลงกรณ์
หลังจากยืนชมวิวเก็บภาพจนจุใจแล้วก็มาไหว้เสด็จเตี่ยกันดีกว่าครับ
ซุ้มขายธูป เทียน ดอกไม้ สำหรับสักการะเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร
เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ท่านโปรดดอกกุหลาบสีแดงน่ะครับ ที่นี่เลยมีดอกกุหลาบสีแดงขาย มากกว่าดอกไม้ประเภทอื่นๆ
ศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรแห่งนี้เป็นศาลที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพราะว่าศาลหลังเก่าได้ถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี พ.ศ. 2519
แต่น่าประหลาดใจที่ศาลทั้งหลังถูกเผาจนไหม้ ไม่เว้นแม้แต่พานทองเหลือง และ อุปกรณ์ภายในศาลที่ถูกเผาจนไหม้ละลายไปกับเปลวไฟ แต่พระรูปของเสด็จเตี่ยกับไม่ได้ไหม้ไปกับไฟ ในครั้งนั้น และ ปัจจุบันได้มีการสร้างพระรูปของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรขึ้นมาใหม่ โดยนำมาตั้งไว้ที่ศาลแห่งนี้ และ ได้มีการอัญเชิญพระรูปองค์เก่าไปประดิษฐาน ณ ศาลกรมหลวงชุมพร ฯ ที่หนองตะเคียน อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้
พระรูปของ พระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท พระอาจารย์ ของพระองค์ท่าน ผู้ซึ่งมีวิชาอาคมแก่กล้า และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และได้ประสิทธิประสาทให้พระองค์ท่าน
พระรูปของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ หรือ ที่ผมและหลายๆ คนชอบเรียกติดปากกันว่า เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ท่านคือบิดาของทหารเรือไทย พระรูปนี้เป็นพระรูปที่สร้างขึ้นมาใหม่ขนาดเท่าองค์จริง
และนี่แหละครับ การไขปริศนาค้างคาใจก็ได้จบลง เพราะว่าด้านหลังของพระรูปกรมหลวงชุมพร มีแท่นหินอ่อน ที่บรรจุพระอัฐิของท่านจริงๆ ตามคำเล่าขาน และศาลแห่งนี้คือสถานที่เดียวที่มีพระอัฐิของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรประดิษฐานอยู่
หลังจากกราบไหว้เสด็จเตี่ยเรียบร้อยแล้ว เรามาดูจุดชมวิวจุดที่สองกันครับ
จุดนี้อยู่เลยบริเวณศาลเสด็จเตี่ยมาด้านในอีกนิดนึงครับ จะต้องขึ้นบันไดไปครับ
เป็นหอยคอย มีบันไดขึ้นไปชมวิว
ตรงนี้เป็นประภาคาร
น่าเสียดายมากๆ เลยครับ ด้านบนไม่ให้ถ่ายรูป หรือ กล้องส่องทางไกล
และเพื่อเป็นการเคารพสถานที่ ผมก็ขอปฏิบัติตามข้อห้ามนะครับ
แต่ขอบอกว่าด้านบนวิวสวยมากๆๆๆๆๆ สวยกว่าวิวที่เห็นจากจุดชมวิวจุดที่ 1 เยอะเลยครับ
มองย้อนกลับลงมา จะเห็นเป็นตู้สำหรับเก็บแบบจำลองของเรือรบประเภทต่างๆ
แบบจำลองของเรือรบแบบต่างๆ จะมีชื่อเรียกทั้งหมด
ชมวิวเสร็จแล้ว ได้เวลากลับละครับ
คนสัตหีบเชื่อว่าหากมาขอพรกับเสด็จเตี่ยแล้ว และถ้าประสบความสำเร็จดังที่ได้ขอ ก็จะมาจุดประทัดถวายท่านน่ะครับ ทำให้ระหว่างที่มาเที่ยวที่นี่จะได้ยินเสียงประทัดดังตลอดเวลา
ที่บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรจะมีรูปปั้นจระเข้เยอะมาก เป็นเพราะว่าที่เขาแห่งนี้มีลิงเยอะมาก และ ลิงพวกนี้ชอบมาขออาหารจากคน ดังนั้นทางฐานทัพเรือสัตหีบ จึงได้นำรูปปั้นจระเข้มาตั้งไว้ เพื่อหลอกไม่ให้ลิงเข้ามาวุ่นวายในบริเวณนี้ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลจริงๆ ครับ บริเวณนี้ไม่มีลิงให้เห็นเลย